Alone in Russia EP1.ลุยเดี่ยวเที่ยวรัสเซีย กับงบ 10,000 บาท พร้อมดราม่า โดนโรงแรมเท และเกือบโดนปล้นในรถไฟใต้ดิน


ประเทศรัสเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่คนไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถอยู่ในรัสเซียได้ 30 วัน และเป็นประเมศที่อยู่ใน 2 ทวีป ทั้งยุโรปและเอเชีย มีธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก อีกทั้งค่าครองชีพก็ถูกมาก สามารถเที่ยวได้แบบสบายๆ

การเตรียมตัวก่อนเดินทางไปรัสเซีย
1.วีซ่า : ผู้ที่ถือพาสปอร์ตประเทศไทย สามารถเดินทางเข้ารัสเซียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้สูงสุด 30 วัน

2.ค่าเงิน : 1 RUB = 0.55 Baht โดยประมาณ

3.อากาศ : ในช่วงที่เดินทาง (มี.ค.61) อุณหภูมิประมาณ  - 10 ถึง 5 องศา

4.ที่พัก : ทริปนี้ผมเดินทางคนเดียว จึงเลือกจองเป็น Hostel ห้องรวม เพราะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ โดยเลือก Privet Hostel เพราะราคาไม่แพง และดูสะอาดสะอ้านดี และไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน
https://www.traveloka.com/th-th/hotel/russia/privet-hostel-1000000485258?


5.อินเตอร์เน็ต : ผมเลือกใช้ของ เพราะเชื่อมต่อง่าย และใช้พร้อมกันได้หลายเครื่อง และไม่ต้องเปลี่ยนซิมในมือถือให้วุ่นวายด้วยครับ สามารถรับได้สนามบินสุวรรณภูมิได้เลย



6.Metro Map : เราสามารถโหลด app ที่ชื่อว่า Moscow Metro Map มาไว้ในมือถือได้เลยนะครับ เพราะจะมีภาษอังกฤษด้วย เอาไว้ดูเทียบกับภาษารัสเซียที่อยู่ในสถานี



ในที่สุดก็ถึงวันเดินทางกันละครับ

ทริปนี้เราเดินทางกันด้วยการบินไทย สายการบินแห่งชาติ ซึ่งมีเที่ยวบินตรงสู่มอสโคว ไม่ต้องเสียเวลาต่อเครื่องกันครับ

ทริปนี้ ผมเป็นผู้โชคดี ได้ลินในแบบบิสซิเนสคลาส ก็จะมีเค้าท์เตอร์เช็คอินแยกออกมาจากอีโคโนมี่ รวมถึง ตรวจคนเข้าเมืองด้วยครับ



พอจะมีเวลาเหลือ และ บิสซิเนสคลาสสามารถเข้าใช้ Royal Silk Lough ได้ฟรี ก็ต้องไปใช้ครับ



ภายในดูหรูหรามากๆครับ


ส่วนอาหารก็มีทั้งอาหารหลักแล้วก็เบอเกอรี่ ชา กาแฟ รวมถึงเบียร์ก็มีไว้บริการครับ





ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ



มาถึงแอร์โอศเตทก็จะมาถามเราว่า ต้องการเครื่องดื่มต้อนรับเป็นอะไรดี มีแชมเปญ กับน้ำกระเจี๊ยบ เรายังเขินๆอยู่ ก็เลยเลือกกระเจี๊ยบก่อนครับ


เมนู และอุปกรณืเพื่อความบันเทิงอยู่ในกระเป๋าด้านหน้าที่นั่งครับ


ด้านขวามือก็เป็นปุ่มปรับที่นั่งของเรา


ต่อมาก็เป็นไวน์กับสแน็คต่างๆครับ เรียกได้ตลอดนะ


แล้วอาหารก็มาเสริฟครับ เราเลือกได้นะครับ ว่าจะเป็นอาหารไทย หรือว่า อาหารฝรั่ง เราเลือกอาหารไทบครับ เพราะรู้ว่าอีกหลายวันกว่าจะได้เจออาหารไทยอีกที



ใช้เวลาบิน ประมาณ 10 ชั่วโมง ในที่สุดเราก็เริ่มเห็นความเป็นรัสเซียละครับ



นี่คือเครื่องที่เราโดยสารมากว่า 10 ชั่วโมงครับ


ต.ม.ที่นี่ เราไม่ต้องเขียนใบใดๆทั้งสิ้นครับ แค่ยืนพาสปอร์ตก็ผ่านได้เลย พอออกมาแล้วให้มองหา สัญลักษณ์รูปดาวสีแดงนะครับ เพราะว่าเราจะเข้าเมือง โดยใช้ รถไฟ AEROEXPRESS




จนออกมานอกอาคาร


มองกลับไปเห็นอาคารสนามบิน DOMODODEVO


ค่าโดยสาร 500 RUB กรุณาเตรียมเงินให้พร้อมนะครับ กดที่ตู้จะได้สลิปแบบนี้ออกมา ใช้สแกนตรงทางเข้า






Aero Express จะมาสุดสายที่ Metro Paveletskaya เราก็จะต้องมาต่อ รถไฟใต้ดินกันครับ สำหรับค่าโดยสารก็ 55 RUB ตลอดสาย




สถานีที่นี้ ทุกสถานนีจะอยู่ลึกมาก เพราะในอดีตเคยใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงสงครามโลก



และหลังจากนี้ก็เกิดเรื่องขึ้น

ในขณะที่ผมกำลังก้มๆเงยๆ หาทางไป ก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาช่วยดู ว่าเราต้องการให้ช่วยอะไรมั้ย
เราก็เลยเอามือถือให้ดูว่า เรากำลังจะไปสถานนี้นี้ (ชี้ให้เค้าดู)

ชายคนนั้นเลยชี้โบ้ชี้เบ้ กวักมือเรียก ให้ตามเค้าไป

เราก็ตามไป (ในใจพลางคิดว่า คนที่นี่ใจดีจัง พาไปส่งถึงชานชราเลย)

พอรถไฟมา เค้าก็ชี้มือบอกเราว่า ไปขบวนนี้แหละ เราก็ขอบคุณเค้า แล้วเดินขึ้นรถไป

แต่ว่า....ชายคนนั้นกลับเดินขึ้นมาด้วย เราเริ่มเอ่ะใจ ดูแลเรามากขนาดนี้เลยเหรอ

พอดีหันไปเห็นคนไทย 2 คน อยู่อีกตู้นึง ซึ่งทักทายกันมาก่อนหน้านี้ เราก็เลยเดินไปหาเค้า พยายามแยกตัวออกไป

แต่ชายคนนั้นกลับเดินตามมายืนข้างๆอีก ชักเริ่มรู้สึกว่าแปลกๆละ ใจดีเกินไปรึเปล่า

พอมาถึงสถานีที่เราจะลง เค้าก็เดินมาสะกิดว่าถึงแล้ว พร้อมเดินนำลงไป

ความซวยบังเกิดแล้วไง ในใจพลางนึก ใจดีเกินไปขนาดนี้

เราก็เลยแกล้ง ทำเป็นถ่ายรูปในสถานีก่อน เค้าก็เดินย้อนออกมา บอกว่าทางออกไปทางนี้นะ  แล้วเดินนำออกไป

กูโดนแน่แล้ว โดนปล้นแน่ๆ เราเลยหลบอยู่ในสถานี ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่คิดว่า เป็นชั่วโมงแน่นอน จนมั่นใจว่าเค้าคงไม่รอแล้ว ก็เดินออกไป

ปรากฏว่า เห็นเค้ายังเราอยู่ และกำลังเดินย้อนกลับเข้ามาดูเราอีกที

โชคดีที่เราเห็นก่อน ก็เลยหลบกลับเข้าไปใหม่รออยู่อีกพักใหญ่เลย จนค่อนข้างมันใจว่า ออกไปไม่เจอแน่ ก็เลยเดินออกมา พร้อมพยายามมองหา ว่าเค้ายังอยู่รึเปล่า พอไม่เห็นเค้า เราก็เลยรีบออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ในที่สุดก็รอดมาได้

มานึกขึ้นได้ว่า เราคงเผลอเอากล้องคล้องคอไว้ จึงเป็นเป้าหมายให้กับมิจฉาชีพนั่นเอง

ใครจะไปรัสเซีย ก็พยายามอย่าเอากล้อง หรือของมีค่าออกมาให้คนเห็น โดยเฉพาะในสถานีรถไฟใต้ดิน

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่เราจองเอาไว้

แต่........ปัญหายังไม่จบ เราไปถึงโรงแรมที่พัก แต่ปรากฏว่า เค้าปิดไปสนิท ไม่เห็นเหมือนในรูปเลย

ยืนรออยู่นาน พยายามกดกริ่งเรียก กว่าครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีใครมาเปิด สรุดท้ายก็โดนโรงแรมเทจ้า

ในใจตอนนั้น ทั้งมึน ทั้งงง สับสนไปหมด ท่ามกลางคุณหภูมิ -2 องศา

คิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี

ก็เลยของดูในแอพของ Traveloka ที่เราจองมา จนเห็นฟังก์ชั่นความช่วยเหลือ Live Chat ก็เลยรีบติดต่อไปทันที

และแล้วก็มีคนตอบกลับมาจริงๆ ตอบมาไวมากด้วย เหตุการณ์ก็เป็นไปตามแชทอันนี้เลยครับ



แป๊บนึงก็มีเมลล์ตอบมาว่า กำลังประสานงานกับทางโรงแรมอยู่


แต่ใจเรามันร้อนก็เลยก็เลยทักต่อไปอีก



สรุปก็คือ เราจองห้องพักมาในราคารวม 1,500 บาท และทาง Traveloka ให้เรามา 3,000 บาท

ในช่วงนี้ ไม่มีรูปนะครับ เนื่องจากว่า เรามัวแต่ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ทั้งสองอย่าง ก็เลยไม่กล้าเอากล้องถ่ายรูป เลยครับ

จากนั้นเราก็พยายามเซิสหาโรงแรมที่ใกล้เราในราคาที่เราไหว แต่เนื่องจากตอนนั้นเวลาค่อนข้างดึกมากแล้ว ถ้าจองผ่านแอพจะขึ้นเป็นวันใหม่ตลอด เราจึงต้องใช้วิธี walk in ครับ เดินไปสองที่ ไม่มีที่ไหนเปิดเลย เราจึงคิดว่า คงต้องพึ่งโฮสเทลที่เราเคยอ่านในรีวิวของเพื่อนๆ แล้วก็มุ่งหน้าไปเลยครับ




เดินท่ามกลางอุณหภูมิ -2 องศา ตอนเกือบเที่ยงคืน ในระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร พร้อมกระเป๋าเดินทาง อีก 1 ใบ มาถึงโรงแรมเกือบเที่ยงคืนครับ 

แต่ ที่นี่ ไม่มีห้องว่างสำหรับผมทั้ง 5 คืนครับ วันพรุ่งนี้ผมจะต้องหาที่พักใหม่ในคืนต่อไป แต่ก็เอาเถอะ ขออาบน้ำแล้วก็นอนบนที่นอนอุ่นๆซักคืนก่อนก็แล้วกัน

นับเป็นคืนที่โหดร้ายในการเดินทางของผมที่สุดละครับ

แต่ก็ต้องขอบคุณ Traveloka นะครับ ที่ แก้ปัญหาได้รวดเร็ว ทำให้ผมไม่ต้องทนนอนหนาวในอุณหภูมิติดลบ

แล้วรีวิวต่อไป มาดูการพจญภัยคนเดียวในรัสเซียของผมกันต่อครับ










ใหม่กว่า เก่ากว่า